รีวิว BYD ATTO 3 หลังใช้งาน 1 เดือน

BYD ATTO 3 เป็นรถยนต์คันแรกของเมย์ เป็นคันแรกที่เมย์ใส่ใจค้นสเปค ดูรีวิว และสังเกตการใช้งานจริงจัง ไม่สามารถเปรียบเทียบกับคันอื่นได้ แค่รู้ว่าขับคันนี้แล้วเป็นยังไง เราโอเคไหม

ส่วนตัวเมย์ต้องการรถสำหรับใช้งานประจำวันทั่วไป จุของได้มากหน่อย เผื่อต้องซื้อของชิ้นใหญ่ ๆ 

เหยียบแล้วพุ่ง แซงผ่านฉลุย ในขณะเดียวกันคือต้องยึดเกาะถนนได้ดี ไม่ลอย หรือหลุดโค้งง่าย

รูปลักษณ์สวย

เมย์เลือกสีเทา ยิ่งใช้ก็ยิ่งชอบ ทั้งภายนอกและภายใน หน้ากากครอบแอร์ที่เหมือนดัมเบล กับสายพิณข้างประตู (สำหรับดีดเวลาไม่มีอะไรทำ) พอใช้จริง แทบไม่ได้โฟกัส  

คอนโทรลหน้ารถที่เป็นคลื่น กับไฟในรถสวย ขับตอนกลางคืนยิ่งสวย

เวลาจะลงรถ ถ้ายังไม่ปลอดภัย เช่น มีรถขับเข้ามาใกล้ ไฟบริเวณประตูฝั่งนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเพื่อเตือน

เบาะสวย นุ่ม พอดีตัวทั้งกับเมย์และพี่แทน ที่นั่งคนขับปรับได้ 6 ทิศทาง ถ้ามีบันทึก Profile การปรับเบาะด้วย จะดีมาก

จุของได้เยอะ

รถเป็นทรง SUV นั่ง 5 คนได้สบายๆ ที่วางของข้างหลังจุของได้เยอะ 

เคยขับรถไปส่งเพื่อน 2 คน ที่สนามบิน พร้อมกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ 3 ใบ (ที่น้ำหนักรวม 60+ กก.) และ Carry On อีก 2 ใบ พับเบาะหลังครึ่งนึง นั่งได้ สบายไหมไม่รู้ เพราะเป็นคนขับ แต่ชอบ รู้สึกตอบโจทย์

แต่ที่วางแก้วน้ำเล็กไปหน่อย ใส่ขวดน้ำ 500 ml. 2 ขวดพร้อมกันได้ แต่ถ้าเป็นแก้วกาแฟ 2 แก้ว คือเบียด

การขับขี่โดยรวม

ขับนุ่ม เร่งพุ่ง เสียงเงียบ มีระบบแจ้งเตือนให้ขับในเลน มีระบบช่วยเบรคพร้อมเปิดไฟฉุกเฉินอัตโนมัติเมื่อรถข้างหน้าเบรคกระทันหัน

มี Auto Break Hold ช่วยเบรค หลังรถหยุดนิ่ง เช่น เวลาจอดรถติดไฟแดง เหยียบเบรคจนรถหยุดนิ่ง แล้วยกเท้าออกจากคันเร่งได้เลย ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ พอไฟเขียว แตะคันเร่ง ขับต่อ

มี Adaptive Cruise Control เมย์ใช้ตอนขับรถขึ้นลงเขา ขับสบายมาก ไม่ต้องคอยเปลี่ยนคันเร่งกับเกียร์ ขาไม่เกร็ง แค่ล็อกเป้าหมายรถคันข้างหน้า แล้วเหยียบคันเร่ง ถ้าขับใกล้รถคันข้างหน้าถึงระยะที่กำหนด ระบบจะเบรคให้อัตโนมัติ ซึ่งถ้าเปิดโหมด Regenerative Braking ไว้ เราจะได้พลังงานชดเชยกลับเข้ามาด้วย 

Adaptive Cruise Control ช่วยขับได้ (บ้าง) ใช้สำหรับทางตรงที่เส้นถนนชัด ลองปล่อยมือแล้วโอเค แต่ถ้าทางโค้ง ขับเองมั่นใจกว่า

Adaptive Cruise Control ไม่เหมาะกับการขับในเมืองนะ เพราะถ้ามีรถมาตัดหน้า Tracking จะหลุด แถมรถยังไม่เบรคให้ด้วย

เปิด-ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ เมื่อเราขับในที่มืด ไม่มีแสงไฟ

กล้องรอบคัน

มีกล้องรอบคัน 360 องศา มี 3D ด้วย ใช้ช่วงแรก งงนิดนึง เนื่องจาก รถ 3D มันคนละสเกลกับสิ่งแวดล้อม 

มีกล้องบันทึกภาพหน้ารถในตัว

ระบบปรับอากาศ

ปรับพัดลมได้ 7 ระดับ ปรับแอร์เป็นองศาได้เลย มีระบบ Air Purify กรองอากาศภายในรถ 

เวลาจอดรถตากแดด เปิดแอร์รอก่อนขึ้นรถได้ ถ้าระยะรีโมทถึง และสามารถกำหนดระยะเวลาได้ ว่าถ้าไม่มาขึ้นรถภายในกี่นาที ให้ปิดแอร์ที่เปิดรอ

หน้าจอ 

หน้าจอแท็บเล็ตใหญ่มาก ใครขึ้นรถก็ทัก แต่เอ๋อสุด เอ๋อมากกกก รีสตาร์ททุกวัน เปิด Maps คู่ YouTube Music จะเด้งทุก 15 นาที ต้องเปิดคู่กับ Spotify ถึงจะอยู่ได้นานหน่อย แต่เปิดไว้สักพักใหญ่ก็ดับเหมือนกัน งง (พี่โก๋บอกว่า ถ้าเปิดไปเจอเพลงที่มี MV จะเด้งหลุด และต่อไม่ได้)

เล่นวิดีโอยังไม่ได้ มีคนเอาจอไป Modify แต่เมย์กังวลเรื่องการอัพเดต Software เลยไม่ได้ไปทำ

Navigator ที่มากับรถบอกทางละเอียดมาก อีกกี่เมตร ชิดทางไหน ถนนข้างหน้ามีกี่เส้น อยู่เลนไหน ต้องขับความเร็วเท่าไหร่ ข้างหน้ามีกล้องตรวจจับความเร็วนะ บอกหมด แต่ปลายทางผิด

การค้นหายังมีแค่ภาษาอังกฤษ ชื่อปลายทาง สะกดไม่เหมือนใน Google Maps ถ้าจะใช้ ต้องดูตำแหน่งปลายทางดี ๆ

เครื่องเสียงโอเค

Charger

Wireless Charger คือบ่ได้ เปิดแมพไปด้วย ชาร์จไปด้วย แบตมีแต่ลด ใช้เป็นที่วางของไปละ 

USB-A ด้านหน้าชาร์ตแบตมือถือช้ามาก เปิด Apple Car Play ขับรถ ถ้าขับทั้งวันแม้จะเสียบสาย USB ไว้ตลอด แบตก็ลดจนเหลือหลักเดียว 

ตำแหน่งด้านหลังชาร์จได้ปกติ

การชาร์จรถไฟฟ้า

จากประสบการณ์ ชาร์จรถไฟฟ้า EV ด้วยตัวเองครั้งแรก หลังจากนั้นก็โอเคนะ วางแผนง่ายขึ้น หาจุดชาร์จคล่องขึ้น ไม่มีปัญหาเมื่อต้องเดินทางระยะไกล แล้วแวะชาร์จ 30-45 นาที/ครั้ง

หลังจากลองขับไปกลับ กรุงเทพ – ภูกระดึง พบว่าเหยียบเร็วได้ แต่ให้ประคองความเร็ว อย่าเร่ง ๆ เบรค ๆ ไม่งั้นพลังงานลดฮวบ

สนใจเรื่องผิว สกินแคร์ การเงิน การเดินทาง การใช้ชีวิต และการจดบันทึก